“HELMET” หรือ หมวกกันน็อคสำหรับสวมใส่ขับขี่รถมอเตอร์ไซด์ ไม่ว่าจะเป็นรุ่นเล็กหรือรุ่นใหญ่อย่างบิ๊กไบค์ ถือเป็นอุปกรณ์สำคัญส่วนแรก ที่จำเป็นสำหรับการเลือกใช้เพื่อให้เหมาะสมกับรถ และ สไตล์การขับขี่นั่นเอง เราลองมาดูกันว่า วิธีการเลือกใช้นั้น เราควรเริ่มต้นยังงัยกันบ้าง ซึ่งเราจะแบ่งสเปคหรือมาตรฐานหมวกง่ายๆเป็น 3 ประเภทกันก่อน เพื่อให้เข้าใจง่ายขึ้น
1. หมวกกันน็อคสเปคเริ่มต้น (Beginner)
ความหมายตามนั้นเลย เป็นหมวกสเปคมาตรฐานเริ่มต้น สำหรับการสวมใส่ขับขี่แบบปกติธรรมดา หยิบจับซื้อง่ายราคาไม่แพง เป็นมิตรกับคนทั่วไป ที่จำเป็นต้องขี่เจ้าสองล้อไปทำงานประจำวัน
เทคโนโลยีปัจจุบันพัฒนาไปเยอะ ทำให้การผลิตมีประสิทธิมากขึ้น สเปคหมวกก็มีมาตรฐานสูงขึ้น ไม่ก๊องแก๊งถ้วยถังกะละมังหม้อเหมือนยุคก่อน พูดง่ายๆว่าไว้ใจได้ในการใช้งานแบบปกติประจำวันนะ
เหมาะกับรถครอบครัว แม่บ้านจ่ายตลาด พี่วินปากซอย พี่ไรเดอร์ฟู๊ด ที่เน้นขี่ทำงานประจำวันในความเร็วระดับกลาง ตั้งแต่รถเล็ก สกู๊ตเตอร์ไปจนถึงสเปคร้อยครึ่ง รองรับความเร็วได้ในระดับนึง และ ก็รองรับแรงกระแทกได้ในระดับมาตรฐาน
หมวกกลุ่มสเปคเริ่มต้น จะมีราคาเริ่มต้นกันตั้งแต่ 500-800 สูงสุดไม่เกิน 3000 บาท ซึ่งในปัจจุบันผลิตออกมาให้เลือกใช้แทบทุกแนว ทุกสไตล์การขับขี่ ตั้งแต่เด็กเล็ก ยันผู้ใหญ่ที่มีสกิล สามารถเลือกซื้อจับจ่ายง่ายไม่ต้องคิดเยอะ แถมปลอดภัยกับศรีษะทุกครั้งที่ต้องออกไปขี่รถอีกด้วย
ค่อยๆอ่าน ค่อยๆพิจารณาความเหมาะสมในการเลือกใช้งาน อย่าเน้นแต่กันพี่หนวด ควรเน้นรักษาหัวสมองตัวเองด้วย จะได้ไม่ต้องเป็นภาระลูกหลาน เวลาเกิดพลาดล้มหัวกระแทกพื้น เพราะชิ้นส่วนอย่างอื่นยังพอรักษาแก้ไขได้ แต่หัวสมองนี่ ถ้าพลาดตุ๊บลงไป ก็เหมือนลูกมะพร้าวแตกยังงัยอย่างนั้นเลยทีเดียวฮะ
2. หมวกกันน็อคสเปคระดับกลาง (mid-range)
อัพเลเวลขึ้นมาในระดับกลาง ซึ่งหมวกในกลุ่มนี้ จะมีมากมายหลากหลายรุ่นมาก ด้วยฐานราคาเริ่มต้นตั้งแต่ 3000-5500 และ ไม่เกิน 6000.-
จึงทำให้มีหมวกที่อยู่ในกลุ่มนี้ค่อนข้างกว้าง มีรุ่นโมเดลให้เลือกมากมายหลากหลายด้วยนั่นเอง
หมวกกันน็อคสเปคระดับกลาง จะมีประสิทธิภาพรองรับความเร็วมากขึ้น คุณภาพวัสดุดีมากขึ้น ทั้งภายนอก-ภายใน ซึ่งในกลุ่มนี้ก็จะเป็นหมวกกันน็อคนำเข้าซะส่วนใหญ่ ซึ่งบางแบรน ราคานี้อาจเป็นเพียงแค่หมวกระดับเริ่มต้นของเขาเองด้วยซ้ำ
หมวกกันน็อคสเปคกลาง มักจะเหมาะกับกลุ่มผู้ใช้ที่ยกระดับการขับขี่ที่จริงจังขึ้นมาอีก และ มักเป็นกลุ่มที่ใช้งานขับขี่รถเดินทางระยะทางไกล กับรถที่มีขนาดซีซีเพิ่มขึ้น 250-300 cc.เป็นต้น ซึ่งผู้ใช้กลุ่มนี้ค่อนข้างกว้าง มีกำลังซื้อ และ มีตัวเลือกเยอะเลยทีเดียว
หมวกกันน็อคสเปคระดับกลาง นอกจากภายนอกจะสวยดูดี มาตรฐานความปลอดภัยสูงแล้ว มันยังเพิ่มความกระชับของนวมใน รวมถึงวัสดุตัดเย็บต่างๆที่เกรดดีขึ้น เพิ่มความมั่นใจให้ผู้สวมใส่เวลาขับขี่ รูปทรงสีสันสวยงามสะดุดตา มีให้เลือกตามใจ ตามสไตล์มากมายหลายรุ่น
สายขี่เกือบทุกคน ล้วนแต่หลงไหลเสียงเครื่องยนต์ และ ความเร็วแรงของมัน แต่ถ้าหากเรามีวินัย รู้จักเลือกใช้ความเร็วให้พอเหมาะพอควร อุปกรณ์ขับขี่ที่เราสวมใส่นั้น มันจะช่วยซับพอร์ทป้องกันชีวิตเราได้แน่นอน
3. หมวกกันน็อคสเปคสูง (high specification)
จัดเป็นหมวกกันน็อคตัวท็อปคลาสในแต่ละแบรน ซึ่งรูปแบบการใช้งาน รวมถึงความเหมาะสมกับศรีษะผู้สวมใส่นั้น ก็จะแตกต่างกันไปอีกด้วยเช่นกัน ซึ่งราคาค่าตัวหมวกกันน็อคกลุ่มนี้ค่อนข้างสูง เพราะเริ่มกันตั้งแต่ 6000-100000 กันเลยทีเดียวนะ (ใบละแสน ใครๆก็รู้ว่ารุ่นไหน)
มันถูกสร้างและออกแบบด้วยวัสดุที่ดีที่สุด เหนียวและคงทนมากที่สุด เพื่อรองรับการใช้งานที่ต้องการประสิทธิภาพสูงในสนามแข่ง รวมถึงการรองรับแรงกระแทก การเสียดสีสไลด์เวลาที่ล้มกลิ้งไปบนพื้นแทร๊ค
และ แน่นอนว่ามันมีผลิตออกมาให้ผู้ขับขี่รถบนถนนได้มีโอกาสได้เป็นเจ้าของ ได้สวมใส่ใช้งานด้วยเช่นกัน
ต่อให้มันเป็นหมวกกันน็อคที่ดี มีประสิทธิภาพสูงสุด แต่ก็ไม่ได้มีไว้ หรือ เหมาะสมกับทุกๆคนเสมอไป บางใบร้อนมาก บางใบหางยาวลู่ลมดี บางใบเสียงดังซาว์ดอลัง บางใบรูปทรงไม่โดนใจวัยรุ่น จึงจำเป็นที่จะต้องศึกษาข้อมูล เรียนรู้เพื่อความเข้าใจ เวลาเลือกมาใช้งาน จะได้ไม่ต้องปวดหัวร้องไห้น้ำตาตก แล้วไปโทษว่าหมวกมันไม่ดี แต่ดันลืมไปว่าเราเลือกใส่ไม่เป็น
เราควรเข้าใจอยู่เสมอว่า มันไม่มีอะไรที่ดีที่สุดจริงๆหรอก มันมีแต่ที่เหมาะสมกับเราที่สุดเท่านั้น
เพราะฉนั้น! ศึกษาสอบถามทำความเข้าใจ รักอะไรชอบแบบไหน อ่านให้เยอะ ดูให้มาก ทดสอบลองใช้ให้รอบด้าน มันจะทำให้เรามีความสุข และ ความมั่นใจมากขึ้น ทุกครั้งที่สวมใส่มันออกไปขับขี่รถคันโปรดครับ
ครั้งต่อไป เราจะมาพูดถึงประเภทของหมวกกันบ้าง ว่ามันทำมาเพื่อรองรับการขับขี่แบบไหน กับรถประเภทอะไรกันบ้างในคราวต่อไปครับ